ผมว่าเราน่าจะลองทำการลงประชามติแบบต่อเนื่องนะครับ
ในเมื่อการวัดเสียงจากประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ แล้วนักการเมืองไม่ว่าฝ่ายไหนก็อ้างเสียงประชาชนตลอดเวลา ทำไมเราไม่หาทางทำให้มันชัดเจนไปเลย ชัดเจนมากกว่ามาอ้างคะแนนเสียงเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือใช้ความรู้สึกวัดเอาจากกระแสอย่างเดียว
แทนที่จะต้องรอการเลือกตั้งอย่างช้าที่สุดทุกๆ 4 ปี หรือออกมาเดินขบวนแสดงพลังซึ่งวัดผลชัดเจนอะไรไม่ได้ ได้แต่กดดันสังคม ทำไมเราไม่ทำให้สามารถไปยื่นความจำนงแสดงจุดยืนว่าจะอยากให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ได้ตลอดเวลาที่ที่ว่าการจังหวัด/อำเภอ
เหมือนการติดต่อราชการทั่วๆไปล่ะครับ เหมือนทุกคนมี current status อยู่แล้ว แล้วไปเปลี่ยน status ตัวเองที่ ที่ว่าการจังหวัด/อำเภอ ได้ตลอดเวลา ว่าอยากจะให้ยุบสภารึยัง เปลี่ยนไปเปลี่ยนกลับได้ด้วย
ในเมื่อประชาชนรู้สึกไม่มีช่องทาง พรรคฝ่ายค้านอภิปรายไปก็เท่านั้น จะรอ 4 ปีมันก็ช้าเกิน ทนไม่ได้แล้ว ประเทศคงล่มจมไปก่อนแล้วอย่างที่เค้าว่ากัน
ในรัฐธรรมนูญ น่าจะเพิ่มช่องทางให้ ประชาชนไปลงชื่อแสดง status ของตัวเองที่ที่ทำการจังหวัด/อำเภอได้ตลอดเวลา และเพื่อความแฟร์ 2 ปีแรกของรัฐบาล status นี้ อาจจะเป็นได้แค่ ตัวชี้วัด ที่บอกรัฐบาล ได้ถึงความนิยมของตัวเอง ทำไม่ดีคะแนนตกนะ
แต่พอ 2 ปีผ่านไปแล้ว ถ้าจำนวนประชาชนที่ลงชื่อ อยากให้ยุบสภา มากกว่าคะแนนเสียงที่รัฐบาลชนะมาในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว หรือ มากกว่าครึ่งนึงของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แล้วคะแนนี้คงที่แบบนี้ได้ 60 วัน ก็ต้องยุบสภาทันที แล้วจัดเลือกตั้งเป็นทางการกันใหม่
การประท้วงบนถนน ก็อาจจะมีต่อไป แต่เป็นไปในลักษณะรณรงค์ให้ ประชาชนออกไปที่ทำการจังหวัดแล้วเปลี่ยน status ตัวเองซะ! มันก็จะมีเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น และทำได้ตลอดเวลา วัดผลได้ว่า รณรงค์ไป คะแนนขึ้นหรือลงเท่าไหร่้
ผมคิดว่าวิธีนี้มัน fair นะคัรบ ผมไม่คิดว่าด้วยระบบราชการปัจจุบันนี้ จะทำระบบแบบนี้ขึ้นมาใช้ไม่ได้ ยิ่งถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญ และทำให้เกิดปัญหาการเมืองทุกวันนี้ เราก็น่าลงทุนนะครับ
--------------------------------------------------------
ผมโพสข้อความข้างบนนี้ใน Facebook ส่วนตัววันที่ 25 พ.ย. ช่วงที่ม็อบเริ่มเลยเถิดในความคิดผม มีเพื่อนๆมาคอมเมนท์พอสมควรครับ เลยเอามาแก้ไขคำบางคำแล้วบันทึกไว้ใน blog ซักหน่อย :)
No comments:
Post a Comment