ปกติเป็นประจำที่ผมจะเขียนสรุปชีวิตใน 1 ปีที่ผ่านมา ปีนี้ก็เช่นกันครับ
1 ปีที่ผ่านมาเกิดเรื่องราวต่างๆมากมายเข้ามาในชีวิต การตัดสินใจต่างๆมากมายนับไม่ถ้วนที่ตัดสินใจทำลงไป
มันคงจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นบ้างพอสมควรแน่นอน แต่สำหรับปีนี้ ผมจำได้แต่เรื่องที่ไม่ happy และผมก็อยากจะบันทึกมันเก็บไว้มากกว่า
มันมีทั้งที่ ผมเจอเรื่องผิดหวัง และ ผมทำให้คนอื่นผิดหวัง
เริ่มด้วยการตัดสินใจลาออกตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว สาเหตุก็คือ ตอนนั้นผมรู้สึกหมดไฟมาซักพักแล้ว ไม่รู้สึกกระตือรือร้น เหมือนแค่มีชีวิตไปเรื่อยๆ เลยมีความคิดว่าต้องออกจาก comfort zone ไปทำอะไรใหม่ๆได้แล้ว คิดแบบนี้อยู่เรื่อยๆ คิดอยู่นานและก็ตัดสินใจลงไป โดยไม่ได้บอกใครนอกจากพี่หัวหน้าที่บริษัท
December 29, 2013
December 4, 2013
ไอเดียการทำประชามติแบบต่อเนื่อง
ความคิดเล่นๆจากคนไม่ได้เรียนนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์มานะครับ ขอคำชี้แนะด้วย :)
ผมว่าเราน่าจะลองทำการลงประชามติแบบต่อเนื่องนะครับ
ในเมื่อการวัดเสียงจากประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ แล้วนักการเมืองไม่ว่าฝ่ายไหนก็อ้างเสียงประชาชนตลอดเวลา ทำไมเราไม่หาทางทำให้มันชัดเจนไปเลย ชัดเจนมากกว่ามาอ้างคะแนนเสียงเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือใช้ความรู้สึกวัดเอาจากกระแสอย่างเดียว
แทนที่จะต้องรอการเลือกตั้งอย่างช้าที่สุดทุกๆ 4 ปี หรือออกมาเดินขบวนแสดงพลังซึ่งวัดผลชัดเจนอะไรไม่ได้ ได้แต่กดดันสังคม ทำไมเราไม่ทำให้สามารถไปยื่นความจำนงแสดงจุดยืนว่าจะอยากให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ได้ตลอดเวลาที่ที่ว่าการจังหวัด/อำเภอ
เหมือนการติดต่อราชการทั่วๆไปล่ะครับ เหมือนทุกคนมี current status อยู่แล้ว แล้วไปเปลี่ยน status ตัวเองที่ ที่ว่าการจังหวัด/อำเภอ ได้ตลอดเวลา ว่าอยากจะให้ยุบสภารึยัง เปลี่ยนไปเปลี่ยนกลับได้ด้วย
ในเมื่อประชาชนรู้สึกไม่มีช่องทาง พรรคฝ่ายค้านอภิปรายไปก็เท่านั้น จะรอ 4 ปีมันก็ช้าเกิน ทนไม่ได้แล้ว ประเทศคงล่มจมไปก่อนแล้วอย่างที่เค้าว่ากัน
ในรัฐธรรมนูญ น่าจะเพิ่มช่องทางให้ ประชาชนไปลงชื่อแสดง status ของตัวเองที่ที่ทำการจังหวัด/อำเภอได้ตลอดเวลา และเพื่อความแฟร์ 2 ปีแรกของรัฐบาล status นี้ อาจจะเป็นได้แค่ ตัวชี้วัด ที่บอกรัฐบาล ได้ถึงความนิยมของตัวเอง ทำไม่ดีคะแนนตกนะ
แต่พอ 2 ปีผ่านไปแล้ว ถ้าจำนวนประชาชนที่ลงชื่อ อยากให้ยุบสภา มากกว่าคะแนนเสียงที่รัฐบาลชนะมาในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว หรือ มากกว่าครึ่งนึงของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แล้วคะแนนี้คงที่แบบนี้ได้ 60 วัน ก็ต้องยุบสภาทันที แล้วจัดเลือกตั้งเป็นทางการกันใหม่
การประท้วงบนถนน ก็อาจจะมีต่อไป แต่เป็นไปในลักษณะรณรงค์ให้ ประชาชนออกไปที่ทำการจังหวัดแล้วเปลี่ยน status ตัวเองซะ! มันก็จะมีเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น และทำได้ตลอดเวลา วัดผลได้ว่า รณรงค์ไป คะแนนขึ้นหรือลงเท่าไหร่้
ผมคิดว่าวิธีนี้มัน fair นะคัรบ ผมไม่คิดว่าด้วยระบบราชการปัจจุบันนี้ จะทำระบบแบบนี้ขึ้นมาใช้ไม่ได้ ยิ่งถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญ และทำให้เกิดปัญหาการเมืองทุกวันนี้ เราก็น่าลงทุนนะครับ
ผมว่าเราน่าจะลองทำการลงประชามติแบบต่อเนื่องนะครับ
ในเมื่อการวัดเสียงจากประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ แล้วนักการเมืองไม่ว่าฝ่ายไหนก็อ้างเสียงประชาชนตลอดเวลา ทำไมเราไม่หาทางทำให้มันชัดเจนไปเลย ชัดเจนมากกว่ามาอ้างคะแนนเสียงเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือใช้ความรู้สึกวัดเอาจากกระแสอย่างเดียว
แทนที่จะต้องรอการเลือกตั้งอย่างช้าที่สุดทุกๆ 4 ปี หรือออกมาเดินขบวนแสดงพลังซึ่งวัดผลชัดเจนอะไรไม่ได้ ได้แต่กดดันสังคม ทำไมเราไม่ทำให้สามารถไปยื่นความจำนงแสดงจุดยืนว่าจะอยากให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ได้ตลอดเวลาที่ที่ว่าการจังหวัด/อำเภอ
เหมือนการติดต่อราชการทั่วๆไปล่ะครับ เหมือนทุกคนมี current status อยู่แล้ว แล้วไปเปลี่ยน status ตัวเองที่ ที่ว่าการจังหวัด/อำเภอ ได้ตลอดเวลา ว่าอยากจะให้ยุบสภารึยัง เปลี่ยนไปเปลี่ยนกลับได้ด้วย
ในเมื่อประชาชนรู้สึกไม่มีช่องทาง พรรคฝ่ายค้านอภิปรายไปก็เท่านั้น จะรอ 4 ปีมันก็ช้าเกิน ทนไม่ได้แล้ว ประเทศคงล่มจมไปก่อนแล้วอย่างที่เค้าว่ากัน
ในรัฐธรรมนูญ น่าจะเพิ่มช่องทางให้ ประชาชนไปลงชื่อแสดง status ของตัวเองที่ที่ทำการจังหวัด/อำเภอได้ตลอดเวลา และเพื่อความแฟร์ 2 ปีแรกของรัฐบาล status นี้ อาจจะเป็นได้แค่ ตัวชี้วัด ที่บอกรัฐบาล ได้ถึงความนิยมของตัวเอง ทำไม่ดีคะแนนตกนะ
แต่พอ 2 ปีผ่านไปแล้ว ถ้าจำนวนประชาชนที่ลงชื่อ อยากให้ยุบสภา มากกว่าคะแนนเสียงที่รัฐบาลชนะมาในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว หรือ มากกว่าครึ่งนึงของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แล้วคะแนนี้คงที่แบบนี้ได้ 60 วัน ก็ต้องยุบสภาทันที แล้วจัดเลือกตั้งเป็นทางการกันใหม่
การประท้วงบนถนน ก็อาจจะมีต่อไป แต่เป็นไปในลักษณะรณรงค์ให้ ประชาชนออกไปที่ทำการจังหวัดแล้วเปลี่ยน status ตัวเองซะ! มันก็จะมีเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น และทำได้ตลอดเวลา วัดผลได้ว่า รณรงค์ไป คะแนนขึ้นหรือลงเท่าไหร่้
ผมคิดว่าวิธีนี้มัน fair นะคัรบ ผมไม่คิดว่าด้วยระบบราชการปัจจุบันนี้ จะทำระบบแบบนี้ขึ้นมาใช้ไม่ได้ ยิ่งถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญ และทำให้เกิดปัญหาการเมืองทุกวันนี้ เราก็น่าลงทุนนะครับ
Subscribe to:
Posts (Atom)